ฎีกากฎหมายชาวบ้าน

     @ ค่านายหน้าขายที่ดิน แม้ไม่มีสัญญาเป็นหนังสือก็สามารถฟ้องร้องเป็นคดีได้ เจ้าของที่ดินต้องจ่ายค่านายหน้าให้ผู้ขาย

    @ นายแดง มีทะเบียนรถถูกต้องตามกฎหมายแต่ไม่ชอบรูปแบบตัวเลข จึงไปทำตัวเลขสวยๆ และนำมาติดที่รถของตนเอง กรณีนี้นายแดงไม่ผิดฐานปลอมแปลงเอกสารของทางราชการเพราะทะเบียนจริงมีอยู่แล้วและหมายเลขที่ทำมาก็เป็นเลขเดิม(แต่อาจถูกปรับข้อหาไม่ใช้ทะเบียนของทางราชการ)

    @ นำป้ายแดงที่ไม่ใช่ของกรมการขนส่งมาติดรถของตนเอง อาจผิดฐานปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอมได้

    @ เอกสารสัญญาเงินกู้กรอกข้อความครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ภายหลังนำมาเซ็นต์ชื่อพยานเพิ่มเติมโดยพละการของผู้ให้กู้ เช่นนี้ไม่เป็นการปลอมแปลงเอกสาร

    @ นาย ก. สามีลักทรัพย์ นาง ข. ภรรยาไปขายให้นายดำ โดยนายดำรู้ว่า นาย ก. ลักทรัพย์ของ นาง ข. มาขาย กรณีนี้ นาย ก. ไม่ผิดฐานลักทรัพย์ แต่นายดำผิดฐานรับของโจร

      @ ผู้โดยสารรถแท็กซี่เปิดประตูรถออกมา มอเตอไซด์รับจ้างชนประตูและล้มเสียชีวิต ผู้เปิดผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาท คนขับแท็กซี่ไม่ผิด


       @ รถยังติดไฟแนนซ์ผู้ครอบครองขายไปโดยยังผ่อนชำระไม่หมด ผู้ขายผิดยักยอกทรัพย์ ผู้ซื้อผิดรับของโจร


       @ เจ้าของโครงการบ้านจัดสรรโฆษณาในโบชัวร์ว่าจะสร้างสนามเด็กเล่นแม้ในสัญญาไม่ระบุก็ต้องปฎิบัติตาม


       @ ผัวเมียแยกกันแล้วแบ่งหนี้กันชำระโดยมีสัญญาที่อำเภอระบุว่าผัวรับผิดหนี้ทั่วไปเมียรับผิดหนี้ธนาคาร(เมียกู้ผัวยินยอม)โดยธนาคารไม่รู้เรื่องสัญญาข้อตกลง เมื่อเมียไม่จ่ายผัวต้องรับผิดชอบ(เพราะธนาคารเป็นบุคคลภายนอก)


      @ พ่อบุญธรรมกับลูกบุญธรรม(ที่จดทะเบียนตาม กม.)จดทะเบียนสมรสกันได้ เมื่อจดแล้วความเป็นพ่อลูกบุญธรรมสิ้นสุดลงทันที


      @ เมียทำเสน่ห์ให้ผัวรักถือว่าไม่มีเจตนาประพฤติชั่ว ฟ้องหย่าไม่ได้


      @ เด็กเล่นรองเท้าสเก็ตแล้วหกล้มตายไม่มีใครไปแกล้ง ถือว่าเป็นอุบัติเหตุต้องรับผลร้ายเอง ผู้ขายไม่เกี่ยว


      @ จ่ายเช็คบริจาคเงินแล้วเด้ง ฟ้องแพ่งและอาญาไม่ได้เพราะเช็คบริจาคไม่มีมูลหนี้ต่อกัน(ต้องมีมูลหนี้จึงฟ้องได้)


      @ ทำสัญญาเช่าบ้านมีกำหนด 3 ปี พร้อมวางเงินประกันความเสียหาย หากผู้เช่าอยู่มา 2 ปี           แล้วเลิกสัญญาจะขอเงินประกันคืนไม่ได้เพราะผิดสัญญาเอง


     @ ผ่อนเงินดาวน์บ้านมาตลอดแต่โครงการไม่สร้างต่อจึงหยุดส่งเงินผ่อนดาวน์กรณีนี้โครงการไม่มีสิทธิริบเงินที่ส่งมาแล้วและผู้ผ่อนสามารถเรียกคืนเงินที่ส่งมาแล้วได้@ สามียืมเงินคนอื่นภรรยาไม่รู้เห็นด้วย จะให้ภรรยารับผิดชอบร่วมไม่ได้ ถือว่าเป็นหนี้ส่วนตัวไม่ใช่หนี้สมรส


     @ ผู้เช่าบ้านไม่ชำระค่าเช่าผู้ให้เช่ายึดรถมอเตอร์ไซด์โดยคล้องกุญแจล็อคไว้ ผิดทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพมีโทษอาญา


     @ นายดำเป็นหนี้นายแดงเมื่อนายแดงทวงถามแล้วนายดำลูกหนี้ขายบ้านหนีหนี้ เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้เป็นคดีอาญา


     @ ลูกบุญธรรมมีทรัพย์มรดกโดยทำมาหาได้ด้วยตนเองและตายลง พ่อที่แท้จริงย่อมได้มรดกของลูก พ่อบุญธรรมไม่มีสิทธิ


     @ นาย ก.ได้เสียกับนางสาว ข. แล้วนาย ก. เอาไปพูดให้เพื่อนฟังเช่นนี้ นาย ก.มีความผิดฐานหมิ่นประมาท


     @ เจ้าหนี้ทวงหนี้ลูกหนี้ซึ่งเป็นโรคหัวใจโดยข่มขู่ ตะคอก ทำให้หัวใจวายตาย (โดยเจ้าหนี้รู้อยู่ก่อนแล้วว่าเป็นโรคหัวใจ ) เจ้าหนี้ผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (ทวงหนี้โดยข่มขู่อาจเจอข้อหากรรโชกทรัพย์)


     @ ขับรถชนคนอื่นโดยเบรคแตกเพราะไม่ตั้งใจไม่เจตนา เมื่อชดใช้ค่าเสียหายไม่ผิดฐานทำให้เสียทรัพย์


     @ บิดามีที่ดินและเอ่ยปากยกให้หมอ เพื่อสร้างอนามัยโดยไม่ได้ทำหนังสือ ต่อมาตายลงล่วงมาสิบปี ลูกขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้ผู้อื่น ผู้อื่นนั้นจะขับไล่ไม่ได้เพราะยกให้สาธารณะประโยชน์เกิน 10 ปี ได้การครอบครองปรปักษ์แล้ว


     @ ห้ามคิดดอกเบี้ยทบต้น ยกเว้นคู่สัญญาตกลงกันเป็นหนังสือให้คิดทบต้นได้ (กรณีดอกเบี้ยค้างชำระมาไม่น้อยกว่า 1 ปี คิดทบต้นได้ ม.655 )


     @ การขายที่ดินของเด็กต้องขออนุญาตศาลและต้องขายมาเพื่อประโยชน์ของเด็กเท่านั้นจะเพื่อประโยชน์ของพ่อแม่(หรือผู้ปกครองดูแล)ไม่ได้


     @ หลักฐานการโอนเงินทางATMไม่ใช่หลักฐานการกู้ยืมเงินฟ้องร้องไม่ได้(จะต้องให้ผู้กู้เซ็นต์ชื่อในใบสลิปว่าได้กู้เงินจึงจะฟ้องได้)

    @ ตอนบวชเป็นพระได้ทรัพย์สินมาเมื่อสึกออกมาแล้วตายลงทรัพย์นั้นย่อมเป็นมรดกตกได้แก่ทายาท(หากตายขณะเป็นพระให้ตกเป็นของวัด)

   ความผิดเกี่ยวกับเพศ

-การพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยไม่มีเหตุอันควรไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ย่อมเป็นความผิดฐานพรากเด็ก ม.317 ว.1 จำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปีปรับหกพันถึงสามหมื่น


- ถ้าเป็นการพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีเพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจารผิดตาม ม.317 ว.3 โทษจำคุกห้าปีถึงยี่สิบปี ปรับหนึ่งหมื่นถึงสี่หมื่นบาท


- การกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาตนโดยเด็กหญิงนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามย่อมผิดฐานกระทำชำเราเด็ก ม.277ว.1 จำคุกสี่ถึงยี่สิบปีปรับแปดพันถึงสี่หมื่น  ///ถ้าเด็กที่ถูกกระทำชำเราอายุยังไม่เกินสิบสามปีเป็นความผิดตาม ม.277 ว.2 จำคุกเจ็ดปีถึงยี่สิบปีปรับหนึ่งหมื่นสี่พันบาทถึงสี่หมื่นบาทหรือตลอดชีวิต


-***ถ้าหญิงที่ชายพาหนีไปร่วมหลับนอนเป็นเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีแม้เด็กจะยินยอมไปด้วยและยอมให้ร่วมประเวณีด้วยชายก็ยังมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร ม.317ว.3และฐานกระทำชำเราเด็กม.277ว.1หรือว.2แล้วแต่กรณี ///ส่วนการพรากคนอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีซึ่งกฎหมายเรียกว่าพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย จะผิดฐานพรากผู้เยาว์ต่อเมื่อเป็นการพรากไปเพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจาร ม.319 ว.1 จำคุกสองถึงสิบปีปรับสี่พันถึงสองหมื่น และการร่วมประเวณีกับหญิงที่มีอายุเกินกว่าสิบห้าปีโดยหญิงยินยอมไม่เป็นความผิดอาญาฐานข่มขืนกระทำชำเรา


- ***ฉะนั้นถ้าหญิงที่ชายพาหนีพ่อแม่ไปร่วมหลับนอนกันมีอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีโดยหญิงสมัครใจ ชายจึงไม่ผิดฐานกระทำชำเราหญิงนั้น ส่วนชายจะมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าชายมีภริยาเป็นตัวตนอยู่แล้วหรือไม่ ถ้าชายยังไม่มีย่อมไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร... ฎ.894/38 จำเลยพา จ.ผู้เยาว์อายุ 17 ปีซึ่งอยู่ในความปกครองของนาย ว.ไปค้างคืนนอกบ้านโดย จ.ยินยอมให้จำเลยกระทำชำเราด้วยความสมัครใจเนื่องจากจ.กับจำเลยรักใคร่ชอบพอกันประสงค์จะเป็นสามีภริยากัน เช่นนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตาม ปอ.319วรรคหนึ่ง…แต่ถ้าชายมีภริยาอยู่แล้วย่อมมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร ม.319วรรคหนึ่ง // ฎ.1287/33ก่อนเกิดเหตุจำเลยมีภริยาอยู่แล้วและยังไม่เลิกกันเมื่อพาผู้เสียหายไปร่วมประเวณีโดยไม่มีเจตนาที่จะอยู่กินแลี้ยงดูฉันสามีภริยา ดังนี้แม้จะฟังว่าผู้เสียหายสมัครใจไปกับจำเลยและได้ร่วมประเวณีกัน ก็ถือได้ว่าเป็นการพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร ปอ.ม.319 วรรคแรกแม้ชายจะไม่มีความผิดฐานข่มขืนกระทำเชาเราหญิงที่มีอายุเกิน 15 ปีเพราะหญิงยินยอม แต่ชายก็ยังมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารอันเป็นความผิดตาม ปอ.ม.319 วรรคแรก เพราะความผิดฐานพรากผู้เยาว์เป็นการกระทำต่อพ่อแม่ของผู้เยาว์ ไม่ใช่กระทำต่อตัวผู้เยาว์


- ฎ.2245/37 ความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารมุ่งหมายถึงการพรากไปเพื่อการอันไม่สมควรในทางเพศ แม้การกระทำของจำเลยจะไม่เป็นความผิดฐานอนาจาร เนื่องจากผู้เสียหายยินยอมก็เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารได้และแม้บิดามารดาของผู้เสียหายจะออกไปนอกบ้านขณะที่ผู้เสียหายออกจากบ้านและจำเลยได้พาไปที่ขนำก็ตาม ก็ยังถือว่าผู้เสียหายอยู่ในอำนาจปกครองของบิดามารดา การที่จำเลยพาผู้เสียหายไปนอนค้างคืนที่ขนำในสวนโดยผู้เสียหายเต็มใจไปด้วยแล้วจำเลยได้กอดปล้ำหอมแก้มและจับหน้าอกของผู้เสียหาย ถือได้ว่าจำเลยกระทำการอันไม่สมควรทางเพศต่อผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพรากผู้เสียหายไปจากบิดามารดา เพื่อการอนาจารตาม ปอ.319 วรรคแรก(เรื่องแบบนี้ชายโสดย่อมได้เปรียบ)

 

  2010 © PATTANATHAM